วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

Singapore 2011 (วันที่ 3)




กล้องน้อยของเราได้สิ้นชีพไปตั้งแต่เมื่อคืนที่คลาร์คคีย์แล้ว และไม่สามารถชาร์จได้เพราะลืมเอาเต้าเสียบ universal มา
รูปเลยน้อยลงเหลือแค่จากกล้องคาปูอย่างเดียว T-T

วันสุดท้ายของการเดินทาง ไม่มีแพลนอะไรเลยนอกจากไป Orchard กับกินข้าวมันไก่ Wee Nam Kee (ซึ่งก็ต้องอกหักไปเพราะมันไม่เปิด T-T)
เราจึงสตาร์ทวันใหม่อย่างเชื่องช้า เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมราว 11 โมงแต่ฝากกระเป๋าไว้ก่อน
หลังจากอกหักกับข้าวมันไก่ไปแล้ว เลยต้องมาหาอะไรกินที่ Novena Square ซึ่งก็ตกลงปลงใจกินที่ Old Town Coffee โกปิเตี๊ยมแบบหรูหน่อยๆ
เพราะถ้าไปฝากท้องที่ Orchard เห็นทีจะไม่พ้น Food Republic @ Wisma อีกเช่นเคย
ซัดของกินจนเต็มท้องแล้วก็ไป Orchard วันนี้ฟ้าครึ้มสบายๆ แต่ฝนไม่ตก เลยเป็นโชคดีไป เพราะมา Orchard ตอนกลางวันทีไร มีแต่ความทรงจำแดดเปรี้ยงๆ ทุกที

ตรงไป Paragon เพื่อเป้าหมายเดียวคือ Muji คาปูจัดเต็มเสื้อผ้ารองเท้า ส่วนหมีก็โกยของกินเดิมๆ ซอสทาราโกะ (ไม่ได้เช็คเลยว่าของเก่าก็ยังเหลืออยู่ - -) และของจุกจิก
จากนั้นตั้งใจจะไปหาดูเครื่องสำอางตามร้านขายยา แต่ดูแล้วก็ไม่โดนใจ สุดท้ายกลัวไม่ได้ช้อป เลยไปโกยเสื้อผ้าที่ Forever21 กับ Topshop

กลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรม ร้านข้าวมันไก่ก็ยังไม่ยอมเปิด จะสวิทช์ไปกิน Boon Tong Kee ซึ่งอยู่แถวโรงแรมนี่เอง ก็กลัวจะไปเช็คอินที่สนามบินไม่ทัน เลยอดทุกกรณี T^T
มาโกยขนมเซเว่นไปอีกจำนวนหนึ่ง ขนมเปี๊ยะร้าน Mr.Bean อีกกล่อง แล้วมุ่งหน้าไปสนามบิน

จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็เข้าดิวตี้ฟรี ก็ไม่ได้อะไรอีก T-T ไม่อยู่ในโหมดช้อปปิ้ง น้ำหอมก็หอมดี แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาซื้อ
(แต่ปลื้มมากที่เห็นซุ้ม Guerlain มี Aqua Allegoria Pamplelune ขายอยู่ แปลว่าเขา continue การผลิตแล้วหรือเปล่า?)
ที่เด็ดกว่าคือ Guerlain Insolence (ถ้าจำไม่ผิด) หอมมากกกกก และแพงกว่า Aqua Allegoria เยอะด้วย T^T ทำใจซื้อไม่ได้ แต่เจอคราวหน้าคงไม่รอดแน่ - -

ก่อนเข้าเกท แวะซื้อแซลมอนเบเกิลที่ดังกิ้นโดนัท กับป้าพนักงานขายหน้าบอกบุญไม่รับ กินเป็นมื้อเย็น แซลมอน + ครีมชีสอัดเต็ม
ขึ้นเครื่อง ฟ้ามืด ฝนโปรยปราย กลับถึงไทยแลนด์ราวๆ สามทุ่ม

จบบริบูรณ์.

Singapore 2011 (วันที่ 2 - ภาค 2)




มาได้วันเดียวก็ขาน็อคไปแล้ว หลังจากชื่นชม National Museum เสร็จ เราก็ตรงดิ่งไปยัง Vivo City (คาปูอยากไปอย่างไม่มีเหตุผล + หมีอยากกินหมี่กุ้ง)
ถึงที่หมายก็ตรงดิ่งไปซัดเมนูที่หมายปอง ณ Food Republic ชั้นบนอย่างรวดเร็ว
เสร็จแล้วเข้าไปเดินด้อมๆ มองๆ ใน National Geographic ที่มากี่ทีก็ไม่เคยได้ของกลับไป คราวนี้คาปูชินเกือบได้รองเท้าเพราะมันเซลในราคารับไหว
แต่สภาพก็ดูเยินเกินไปอีก ไม่มีบุญจะได้ใช้ของพะยี่ห้อ NG เสียที
...สุดท้ายคาปูก็ไปสอยสายคล้องกล้องมาให้พอชื่นใจว่ามาเที่ยวแล้วได้ช้อป 55
จากนั้นหมีก็ต้องการกินยาและนั่งพัก แต่เดินลากขาไปทั่ว ก็ยังหาที่ลงไม่ได้ ห้างนี้มันคนเยอะตลอดกาลจริงๆ เยอะมากกกกก (ยกเว้นครั้งแรกที่มา)
ร้านกาฟงกาแฟ หาที่นั่งมีไม่ เผอิญเหลือบไปเห็น Carl's Jr อยู่ในซอกหลืบ ก็เลยพุ่งตรงเข้าไป เพราะคิดถึงสมัยกินที่ CA 555+
สั่งชิลลี่ชีสฟรายส์ เมนูที่ฟาสต์ฟู้ดเจ้าอื่นไม่ค่อยมี รู้สึกอร่อยกว่าที่เมกาแฮะ คงปรับรสให้เข้ากับคนเอเชีย

กินเสร็จก็ออกไปนั่งรับลมบนดาดฟ้า พักขาพอเพลินๆ มีชาวบ้านมานั่งปิคนิคกันมากมาย เริ่มโพล้เพล้ก็เกิดแรงฮึด จะเดินข้ามไปเซ็นโตซ่า
เพราะมาคราวนี้ เขามีทางเดินเท้าข้ามไปเซ็นโตซ่าแล้ว แจ๋วเลย ทางเดินก็เพลิดเพลิน อากาศสบายๆ มีร้านรวง การแสดง ตกแต่งสวยงาม
ใครเดินไม่ไหวก็มีทางเลื่อนอัตโนมัติให้เป็นระยะ รู้งี้มานั่งชิลร้านแถวนี้ดีกว่า ไม่ต้องไปปะปนบรรยากาศแออัดใน Vivo - -'

เดินข้ามไปจนถึงเกาะเซ็นโตซ่า ก็เสียค่าเข้าเกาะ 1 SGD โดยใช้ EZlink แตะได้เลย
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เราก็ไม่ได้คิดว่าจะไปไหน ก็เลยเดินเล่นแถวหน้า Resort World ถ่ายรูปนิดหน่อย
คาปูอยากเข้าคาสิโน ซึ่งที่จริงสามารถทำเมมเบอร์ได้ฟรี แต่ต้องมี ID ซึ่งคาปูไม่ยอมพกพาสปอร์ต เลยอดไป คริคริ

ค่ำแล้ว ไปดินเนอร์แสงสีที่ Clark Quay ดีกว่า MRT สามป้ายก็ถึง บรรยากาศเดิมๆ + ร้านรวงเก่าใหม่ปะปน
คนไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่รู้เป็นเพราะวันนี้เป็นคืนวันอาทิตย์หรือเปล่า อ่อ มันยังหัวค่ำนี่นะ พูดเองตอบเอง
ตกลงใจนั่งที่ร้าน Tomo (ถ้าอ่านไม่ผิด) อิซากายะเล็กๆ น้อยๆ เพราะกินกันมาเต็มคราบทั้งวันแล้ว จิบเบียร์ญี่ปุ่นเพลินๆ
พอเริ่มตึง ก็ออกมาเดินเล่นสักพัก แล้วกลับโรงแรม (เกือบเที่ยงคืนแล้วนั่น)

Singapore 2011 (วันที่ 2 ภาค 1)


แต่บางอันก็เสีย บางอันก็กลิ่นเพี้ยนไปละ

วันนี้ออกมาตอนสาย ไปใกล้ๆ MRT Novena เหลือบไปเห็นร้านข้าวมันไก่ Wee Nam Kee ระลึกขึ้นมาได้ว่าเป็นร้านดังในบล็อกคนสิงคโปร์
เลยเดินข้ามไปจะไปกิน แต่ท่าทางเหมือนร้านจะยังไม่เปิด ยังนั่งเตรียมเครื่องปรุงกันอยู่เลย ก็เลยผลัดไว้มื้ออื่น
(สุดท้ายก็ไม่ได้กิน เพราะวันนี้กินจนอิ่ม และวันต่อมาซึ่งเป็นวันกลับ ร้านก็ไม่เปิดทำการ T-T)

ก็เลยข้ามกลับมาที่ Novena Square กินร้านปาท่องโก๋ Mr. YouTiao (เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน)
ซึ่งเป็นร้านแฟรนไชส์ที่มีปาท่องโก๋เป็นเมนูหลัก กินคู่กับโจ๊ก ข้าว แกง มีปาท่องโก๋หลายรสให้เลือก
เราสั่งโจ๊กปาท่องโก๋ ตั้งใจจะขอเปลี่ยนปาท่องโก๋ที่โรยโจ๊กเป็นรสหัวหอม แต่คงสื่อสารไม่รู้เรื่อง เลยได้ปาท่องโก๋รสหัวหอมแยกมาอีกอัน T-T กินให้ไขมันจุกตาย
คาปูสั่งเซ็ทข้าวแกง น้ำเต้าหู้แก้วใหญ่อีกคนละแก้ว อิ่มเอมมาก ปาท่องโก๋รสหัวหอมอร่อยมาก พูดแล้วอยากกินอีก น้ำเต้าหู้ด้วย T-T

เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ (มาตั้งหลายทีไม่เคยเข้าไปดู) ค่าเข้าคนละ 10 เหรียญแต่ดูกันได้จุใจ
ยิ่งถ้ามาช่วงเย็นมันจะมี 2 ชั่วโมงที่เข้าชมฟรี (ในบางส่วน)

วันนี้ฝนก็โปรยปรายตามสไตล์เมืองสิงห์ (นี่มันเพิ่งเดือนมีนาเองนะเนี่ย T-T ตกทุกวันเลย) เราเดินฝ่าฝนลัดเลาะตามป้ายมาจนถึงพิพิธภัณฑ์
แล้วก็ตะลุยชมส่วนจัดแสดงต่างๆ จนครบ แต่ไม่ได้ใช้สิทธิ์นั่งรถ+ไปดูพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟรี (เพราะแค่ในนี้ก็ดูกันไปจนบ่ายแก่แล้ว)
ตั๋วสามารถนำไปใช้ต่อในส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ได้เป็นเดือนๆ แต่เราก็คงไม่ได้ใช้แล้วอยู่ดี T-T

ส่วนจัดแสดงมีตั้งแต่ชั้นล่างสุดที่เป็นหนึ่งในเทศกาล Biennale ชั้นสองมีส่วนนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับความเป็นมาของสิงคโปร์
และอีก 5 ห้องแสดง มีทั้งนิทรรศการภาพถ่าย แฟชั่น อาหาร ภาพยนตร์ ซึ่งก็จัดได้น่าดูตามสไตล์สิงคโปร์เช่นเคย

ฝนตกหนัก ฟ้าครึ้มมาก แต่เที่ยวพิพิธภัณฑ์จนครบแล้วฝนก็เริ่มหยุดพอดี

Singapore 2011 (วันที่ 1)




เครียดๆ เบื่อๆ ก็เผลอจองตั๋วไปสิงคโปร์แบบสิ้นคิด (เงินก็ไม่มี) ก็เลยปุบปับไปสิงคโปร์กันอีกแล้ว

ก่อนไปป่วยหนัก งานหนัก ไม่ได้วางแผนอะไรเลย ไปแบบหัวโล่งๆ แม้แต่ที่พัก ที่จองแบบเปลี่ยนโลเกชั่น ก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
ไปถึงก็หลงกันอยู่ตั้งนาน สุดท้ายเลยโบกแท็กซี่ แท็กซี่ก็พาหลงอีก -*- แต่สุดท้ายก็ไปถึงจนได้
Fragrance Oasis ที่ถนน Balestier โรงแรมรูหนูไร้หน้าต่าง ห้องใหม่กว่าที่ Geylang แต่ยังตกแต่งห้องไม่เสร็จดีเลย!

แถว Balestier ก็เป็นชุมชนเก่าแก่ไม่ต่างจาก Geylang เท่าไหร่ มีของกินทั้งคืน แต่ไม่ใช่ย่านโคมแดงแบบ Geylang
การเดินทางก็ไม่ยากเพราะมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโรงแรม นั่งไป MRT Novena ซึ่งอยู่ใต้ห้าง Velocity แหล่งอุปกรณ์กีฬาพอดี ไม่ต้องกลัวอดตาย
เลยได้เดินห้าง Velocity & Novena Square ทุกวัน ชอบมาก (เสียดายมีห้างฝั่งตรงข้ามด้วย คือ United Square แต่ไม่ได้ไปเดินเล่นเลย)

เก็บข้าวของเสร็จก็ออกไปหาของกินที่โรงอาหารข้างๆ โรงแรม ฝนตกหนัก กินเสร็จฝนซา เลยนั่งรถเมล์ไป MRT
สำรวจห้างรอฝนหยุด แล้วลง MRT ไปแถว Marina Bay ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมตัว แผนที่ก็ไม่หยิบมาจากสนามบิน ทำเหมือนว่าจำทางได้
เลยมั่วๆ ไปขึ้นที่สถานี Marina Bay เลย โผล่ขึ้นมาก็ระลึกได้ว่านี่มันสถานีที่เคยมาตอนจะไปเขื่อนนี่หว่า
จะถอยไปลงสถานีก่อนหน้า แต่คาปูไม่ยอม เลยเดินๆ ออกมาจากสถานี ก็เห็นตึกเรือตั้งตระหง่านอยู่ลิบๆ ดูแล้วไม่ไกลเท่าไหร่
ซึ่งพอเดินจริงๆ ก็ไม่ไกลจริงๆ ด้วย เพราะส่วนทางเดินริมอ่าวเขาทำเสร็จเกือบหมดแล้ว เดินรอบอ่าวได้ง่ายมาก
(มาปีที่แล้ว ยังไม่ถึงสิบเดือนเลยมั้ง ส่วนนี้ยังก่อสร้างเละเทะอยู่เลย)

ก็เลยเดินๆๆๆ ไป บรรยากาศแสนชิล มีวงออร์เคสตร้าบรรเลงอยู่ลิบๆ ลมอ่าวก็เย็นสบาย พาลนึกว่าถ้าเราเป็นคนทำงานแล้วตกเย็นมีที่ชิลๆ
เดินทางมาสะดวก คนไม่ยั้วเยี้ยแบบนี้ ชีวิตจะดีขนาดไหน

เดินเลาะริมอ่าวไปเรื่อยๆ (ที่จริงเป็นของ Marina Bay Sands ทั้งหมด) มีห้าง คาสิโน มิวเซียม ที่ตั้งใจจะเข้า แต่เนื้อไม่ให้เข้าบอกแพง T T
ที่จริงวันนี้มี Saint Etienne เล่นที่ Esplanade ด้วยแต่มาไม่ทัน + ขี้เกียจ (ฟรีด้วย แอบเสียดาย) แค่เดินเลาะอ่าวก็เมื่อยขามากแล้ว
แต่อยากไปดูเมอร์ไลอ้อนที่ช่วงนี้โดนครอบกล่องแดงอยู่เป็นงานศิลปะ เลยจับรถเมล์หน้า Sands ไป Esplanade
จริงๆ ก็ดันลงก่อนตั้งแต่ป้ายแรกคือสนามกีฬา (แล้วจะขึ้นรถเมล์เพื่อ?) แล้วก็เดินลากขากันไป
เดือนนี้เป็นเดือนของกิจกรรมดนตรีที่เกาะสิงคโปร์ (ที่จริงมาช่วงไหนก็เห็นมีทุกที) ตรงลานแสดงริมอ่าวของ Esplanade ก็้มีดนตรีมาเล่น
เป็นวงแนวฟังกี้ พ็อพ กรู๊ฟๆ หน่อย

ข้ามสะพานมาดูกล่องแดงเมอร์ไลอ้อน (เขาเอากล่องสีแดงมาครอบเจ้าเมอร์ไลอ้อนแล้วทำเป็นห้องพัก เรียกว่า Merlion Hotel ซึ่งเป็นไอเดียของศิลปินชาวญี่ปุ่น)
ชอบจริงๆ ที่เกาะนี้เขากล้าทำอะไรแผลงๆ กับสัญลักษณ์ของประเทศได้ ชาบูมากๆ
โรงแรมเมอร์ไลอ้อนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลศิลปะ Singapore Biennale ที่จัดขึ้นทั่วเกาะในช่วงเดือนนี้
โดยผู้เข้าพักจะได้รับบริการเยี่ยงผู้ที่มาพัก Fullerton คนอื่นๆ (แต่รู้สึกจะเดินไปกินอาหารเช้าไกลหน่อย 55)
ค่าห้องต่อคืนก็ไม่ได้แพงเว่อร์ เลยถูกจองจนเต็มตั้งแต่ยังสร้างไม่เสร็จ

จบจากกล่องแดงแล้วเราก็ไม่ไหวจะเดิน เลยกลับโรงแรมกัน แวะกินมื้อค่ำที่ฟู้ดคอร์ทข้างโรงแรมเช่นเดิม